จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับศึก ยูโร 2024 โดยแชมป์ตกเป็นของ สเปน (Spain) ที่ชนะ อังกฤษ (England) 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ จนทำให้ “ลา โรฆา” (La Roja) กลายเป็นทีมที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดแบบเดี่ยว ๆ ที่จำนวน 4 สมัย หลังจากก่อนหน้านี้ครองสถิติร่วมกับ เยอรมนี (Germany) ที่จำนวน 3 หน
อย่างไรก็ตาม เกร็ดที่น่าสนใจจากนัดชิงดำของศึก ยูโร ครั้งที่ 17 มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เพราะยังมีเกร็ดและสถิติที่น่าทึ่งแบบอื่น ๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะทั้งสำหรับ สเปน หรือ อังกฤษ ลองไปดูกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง
นับตั้งแต่นัดชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2002 เป็นต้นมา สโมสรและทีมชาติสเปนได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศรายการระดับเมเจอร์ ทั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า คัพ, ยูฟ่า ยูโรปา ลีก, ฟุตบอลโลก, และยูโร พบกับคู่แข่งจากประเทศอื่นรวมกันถึง 23 ครั้ง และสามารถเก็บชัยชนะได้ครบทั้ง 23 หน
ผลงานนี้ถือเป็นสถิติที่น่าทึ่งและน่าประทับใจสำหรับวงการฟุตบอลสเปน ซึ่งได้รับการติดตามและยกย่องจากแฟนบอลทั่วโลก รวมถึงเว็บไซต์ ผลบอล sbobet ที่คอยติดตามผลงานของทีมจากสเปนอย่างต่อเนื่อง
สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเป็นเลิศของสเปนทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจแห่งวงการฟุตบอลยุโรปและระดับโลก
– **เกมรุกดุดัน**
สองประตูจากนัดชิงชนะเลิศทำให้เท่ากับว่าในศึก ยูโร 2024 นั้น สเปน ยิงไปรวมแล้วถึง 15 ลูก และนั่นก็ทำให้ทีมของกุนซือ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ (Luis de la Fuente) กลายเป็นทีมที่ทำประตูได้เยอะที่สุดตลอดกาลต่อการเล่น ยูโร 1 ครั้งทันที หลังเจ้าของสถิติก่อนหน้านี้คือ ฝรั่งเศส (France) ชุดเล่น ยูโร 1984 ที่ทำได้ 14 ประตู
นอกจากนี้ นี่ก็ยังนับเป็นครั้งที่ 2 เข้าไปแล้วด้วยที่ สเปน เป็นทีมที่ทำประตูในการเล่น ยูโร แต่ละครั้งเยอะที่สุดเป็นจำนวน 2 รายการติดต่อกัน หลังจากใน ยูโร 2020 พวกเขาเคยเป็นทีมที่ยิงได้เยอะที่สุดที่จำนวน 13 ประตูเท่ากับ อิตาลี (Italy) ส่วนหนแรกที่ สเปน ยิงใน ยูโร ได้เยอะที่สุด 2 ทัวร์นาเมนต์ติดนั้น เกิดขึ้นในศึก ยูโร 2008 กับ 2012 ที่ทำได้ครั้งละ 12 ลูก
– **ความช้ำ**
อย่างที่รู้กันดีว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) กลายเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์ที่แพ้ ยูโร นัดชิงดำเป็นจำนวน 2 หน แต่สำหรับ อังกฤษ เองนั้น พวกเขาก็เป็นชาติแรกด้วยที่พ่ายนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูโร เป็นจำนวน 2 รายการติดต่อกัน
ไม่เพียงแค่นั้น เพราะการปราชัยในครั้งนี้ทำให้ อังกฤษ ยังคงเป็นชาติที่ลงเล่นรายการ ยูโร มากที่สุดที่ไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์แม้แต่หนเดียวด้วย เพราะพวกเขาลงเล่นรายการนี้ไปแล้วถึง 45 เกมด้วยกัน ส่วนอันดับ 2 คือ เบลเยียม (Belgium) แต่ว่า เบลเยียม เพิ่งได้สัมผัสกับเกม ยูโร รอบสุดท้าย ไปแค่ 26 นัดเท่านั้น
– **เกมรับมีปัญหา**
เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ อังกฤษ เสียประตูไปก่อนถึง 8 เกมจาก 12 นัดหลังสุดในทุกรายการเข้าไปแล้ว แถมยังเป็นการโดนขึ้นนำไปก่อน 0-1 เป็นจำนวน 4 เกมติดต่อกันด้วย ซึ่งมันเป็นหนแรกนับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ปี 1985 ที่พวกเขาสัมผัสกับประสบการณ์แบบนี้
– **ผลงานอันน่าผิดหวัง**
เป็นอีกครั้งที่ แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) กองหน้าทีมชาติอังกฤษต้องชวดแชมป์ แถมเขาก็ยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ในนัดชิงดำอีกหนด้วย เพราะในจำนวน 181 นาทีที่ได้อยู่ในสนามทั้งในนัดชิงชนะเลิศของ ยูโร 2020 และ 2024 รวมกัน เขามีโอกาสยิงแค่ 1 หนเท่านั้น รวมถึงได้จับบอลในกรอบเขตโทษของคู่แข่งแค่ 1 ครั้งด้วย ส่วนการจับบอลในทุกพื้นที่รวมกันอยู่ที่แค่ 58 หนเท่านั้น ทำให้แฟนบอล sbobet ผิดหวังอย่างมาก
– **ครบหลักสำหรับประวัติศาสตร์**
แม้ว่าจะแพ้ แต่ตอนนี้ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ก็กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นศึก ยูโร กับ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายรวมกันแตะหลัก 15 นัด เพราะเพิ่งมีอายุแค่ 21 ปีกับ 15 วันเท่านั้น ส่วนอันดับ 2 คือ บูกาโย่ ซาก้า (Bukayo Saka) ปีกเพื่อนร่วมชาติที่ทำได้ด้วยวัย 22 ปีกับ 313 วัน
– **ประตูจาก 2 ตัวสำรอง**
โคล พาลเมอร์ (Cole Palmer) กลายเป็นนักเตะอังกฤษที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วทำประตูในเกม ยูโร ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะใช้เวลาไปแค่ 2 นาที 22 วินาที หลังจากโดนเปลี่ยนลงมาแทน ค็อบบี้ เมนู (Kobbie Mainoo) แถมเขายังเป็นตัวสำรองที่ทำประตูในนัดชิงดำของ ยูโร ได้เร็วเป็นอันดับ 2 ในกรณีที่นับรวมทุกชาติด้วย โดยอันดับ 1 คือ ฆวน มาต้า (Juan Mata) ที่ทำประตูได้หลังถูกเปลี่ยนลงมาแค่ 1 นาที 40 วินาที ในศึก ยูโร 2012
สิ่งเหล่านี้เป็นที่สนใจสำหรับ ผลบอล sbobet ที่ติดตามทั้งเกมการเล่นของสเปนและอังกฤษ โดยเฉพาะการวิจารณ์และวิเคราะห์ฟอร์มของนักเตะและสถิติต่างๆ ที่มีผลต่อการเดิมพันในอนาคต
Leave a Reply